Sunday 30 April 2017

April Summary 2017

ผ่านไปแล้ว33.33%ของปี2017 ปีนี้เป็นปีที่รู้สึกว่าเล่นยากเหมือนกันแหะ โดยเฉพาะrun trend SET index เดือนนี้ correction อยู่ในกรอบแคบๆ

จากที่สังเกต กลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีในตลาดแบบนี้คือdaytradeต้องเล่นสั้น เข้าไวออกไว stop lossไม่ลึกเกินไป ถ้าจะRun trendก็ต้องทำการบ้านหนักๆเลยทีเดียว เพราะมีหุ้นที่แข็งกว่าตลาดน้อยมาก ใครทำเยอะก็ได้เปรียบ(เอาจริงๆ ทำการบ้านเยอะๆมันก็ได้เปรียบทุกสภาวะตลาดแหละ)
เดือนนี้ได้เรียนรู้เรื่องbid-offerมา ในกรณีนี้คือSPACK โดยส่วนตัว คิดว่าหุ้นที่เล่นกันแรงๆ มันคงไม่เล่นรอบเดียวหรอก มันต้องลากอีกสักรอบ โดยที่สังเกตเห็นคือตอนมันย่อไม่มีvol.ออกมา bid-offerแหว่ง ไม่ค่อยมีliquidity และย่อลงมาไม่หลุดEMA200 วันที่volเข้า(ลูกศรสีส้ม) จำได้ว่าจากที่bid-offerไม่เรียงกัน แต่วันนี้มันตั้งเรียงกันก่อนวิ่ง หลักจากที่วิ่งขึ้นไปก็ทำการขายล็อคกำไรที่2.72 หุ้นที่bid-offerแหว่งๆ ถ้าวันไหนอยู่ๆมันเริ่มเรียงกันแสดงว่าต้องมีประเด็นแน่ๆ!!

Portfolio’s performance เดือนนี้ NAVลดลงเนื่องจาก dilution effect ของORIที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นออกมา 2.5หุ้นเดิม:1หุ้นใหม่ แต่หลังจากที่XD หุ้นก็ขึ้นต่อไปbreak 52w high สุดยอดมากๆ เป็นหุ้นที่แข็งมากๆเลยทีเดียว

YTD

April

เดือนนี้ทำการบ้านน้อยมาก แต่อย่างน้อยก็จดหุ้นในแต่ละวัน ดูบ้างแต่ไม่ได้ดูเต็มที่ เพราะเดือนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ปั่นการบ้าน ยิ่งใกล้ช่วงFinalยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่
แต่ก็สำเร็จไป1เป้าหมายในปีนี้ คือติดรอบ250คน(รอบแรก) โครงการYoung Financial Star Competition 2017 ดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะติดจริงๆ

Saturday 8 April 2017

สรุป 59-1 ORI

INTRO
บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะเป็นผู้นาในการเข้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลศักยภาพใหม่ๆ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของความต้องการที่อยู่อาศัยสูง และมีความเป็นไปได้ในการแข่งขัน เช่น ทำเลแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และย่านอุตสาหกรรม โดยมีรูปแบบในการขยายตัวและการพัฒนาโครงการในแต่ละทาเล 2 รูปแบบหลัก คือ (1) Cluster Model เป็นการพัฒนาโครงการในรูปแบบและระดับราคาที่หลากหลายในแต่ละทำเล เพื่อตอบสนองความต้องการในทุกระดับในทำเลต่างๆ (2) Compound Mix use Model หรือที่เรียกว่า Origin District ซึ่งเป็นการรวมการพัฒนาโครงการในรูปแบบและระดับราคาต่างๆ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน
กลยุทธ์ทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ
-          บริษัทฯ มีแผนการกระจายการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล บริษัทฯ จึงมีแผนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริเวณพื้นที่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมเหมราช นิคมอุตสาหกรรมปู่เจ้าสมิงพราย เป็นต้น
-          บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการเป็นอย่างมาก โดยทุกโครงการจะมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความโดดเด่น
-          การลงทุนในธุรกิจที่มีการรับรู้รายได้แบบ Recurring Income เช่น โรงแรม, อพาร์ทเม้นท์, สำนักงานเพื่อเช่า, พื้นที่เช่าเพื่อการพาณิชย์ เพื่อสร้างฐานรายได้ที่สม่ำเสมอเพิ่มขึ้นในอนาคต
โครงสร้างของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 สรุปได้ดังนี้

ลักษณะการประกอบธุรกิจ
กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าวัยเริ่มทำงาน (First Jobber) กลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนจากการเช่าที่พักอาศัยเป็นซื้อที่พักอาศัยที่มีช่วงอายุ 21-35 ปี กลุ่มลูกค้าท้องถิ่น (Local Demand) ที่มีความต้องการขยายครอบครัว กลุ่มลูกค้าที่มองหาที่พักอาศัยให้กับลูกหลานที่อยู่ในวัยเรียน และกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
รายได้รวมของบริษัทฯ สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 – 31 ธันวาคม 2559 สามารถจำแนกตามกลุ่มธุรกิจได้ดังต่อไปนี้


ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ได้ปรับเป็น 3 แบรนด์หลัก ตามลักษณะรูปแบบของโครงการ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในแต่ละทาเล เพื่อความชัดเจนในรูปแบบการพัฒนาโครงการ และการรับรู้ถึงคุณค่าของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น
    1.       Kensington (ระดับราคาย่อมเยา)
    2.       Notting Hill (ระดับราคาปานกลาง)

    3.       Knightsbridge (ระดับราคาสูง)
     
    ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์
ความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่และส่วนต่อขยายยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญของการขยายตัวของความต้องการที่อยู่อาศัยในทาเลที่รถไฟฟ้ากาลังจะไปถึง นอกจากนี้โครงการที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองรวมทั้งแนวรถไฟฟ้ายังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคสูงมากขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น น่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามนอกจากแนวโน้มการเติบโตของทำเลต่างๆแล้ว ปัจจัยด้านราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก(ดัชนีราคาที่ดินและดัชนีราคาที่อยู่อาศัยปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2558 โดยเฉพาะราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.9)และภาวะอุปทานคงค้างในบางทำเลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจพัฒนาโครงการในแต่ละทำเล
การจัดซื้อที่ดิน                                      
บริษัทฯ ไม่มีนโยบายถือครองทรัพย์สินหรือที่ดินเปล่าที่ไม่พร้อมจะพัฒนา แต่บริษัทฯ จะใช้วิธีวางแผนในการจัดซื้อที่ดิน ในทำเลศักยภาพซึ่งสามารถพัฒนาโครงการได้ภายในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงการของบริษัทฯ
ปัจจัยความเสี่ยง
-          เน้นทำเลที่มีแนวโน้มการเติบโตของศักยภาพสูง และการแข่งขันในการซื้อที่ดินกับผู้ประกอบการรายอื่น ยังต่ำ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถจัดซื้อที่ดินในราคาไม่แพงและเงินที่ใช้วางมัดจำที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับโอกาสการพัฒนาโครงการในอนาคต
-          บริษัทฯ อาจมีความเสี่ยงหากตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกิดภาวะอุปทานล้นตลาด อันเกิดจากจานวนห้องชุดพักอาศัยเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าความต้องการของผู้บริโภค หรือเกิดจากกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าหลักอาจถูกกระทบอย่างมากจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอัตราส่วนสินเชื่อต่อรายได้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยกลุ่มบริษัทฯ มีแผนจะเริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 1 โครงการในปี 2560 ภายใต้บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จากัด และ อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจโรงแรมที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายใต้ บริษัท ออริจิ้น วัน จากัด โดยความร่วมมือกับ Intercontinental Hotels Group (IHG) เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว
-          เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านต้นทุนการก่อสร้างดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการพิจารณาจัดจ้างบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความน่าเชื่อถือ โดยทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างแบบกำหนดราคาแน่นอนรวมค่าวัสดุก่อสร้าง (Turn Key Contract) ซึ่งบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างหลัก โดยคำนวณรวมเป็นส่วนหนึ่งในราคาค่าจ้างก่อสร้าง ดังนั้น หากวัสดุก่อสร้างหลักปรับตัวสูงขึ้นในระหว่างการก่อสร้าง จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างจะเป็นผู้รับความเสี่ยงดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเป็นผู้จัดหาวัสดุก่อสร้างบางประเภทที่สามารถนับจำนวนได้แน่นอนและมีราคาต่อหน่วยค่อนข้างสูง เช่น ลิฟท์ เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
-          ผลการดาเนินงานของบริษัทฯ จะมีความไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับความสาเร็จของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
-          การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มการแข่งขันที่สูงขึ้นเนื่องจากการเติบโตของตลาดค่อนข้างจากัด และมีสินค้าคงเหลือในตลาดค่อนข้างสูง จากสถานการณ์ขายที่ยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังมีคู่แข่งหลายราย โดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นคู่แข่งส่วนใหญ่ จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ยังมีกลยุทธ์หลักที่แตกต่างด้วยการเน้นการเป็น First Mover ในการเข้าไปพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตทางศักยภาพสูง แต่ยังมีการแข่งขันต่ำ ด้วยการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการในทำเลต่างๆ อย่างเจาะลึก ส่งผลให้สามารถได้ที่ดินในราคาถูก และมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ต่ากว่าในทาเลที่มีการแข่งขันสูง อีกทั้งยังสามารถกาหนดราคาชี้นาตลาดได้ ขณะเดียวกันในทาเลที่มีการแข่งขันสูงบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการให้มีความแตกต่างและมีจุดขายที่ชัดเจนตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
-          ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีหนี้สินรวมจานวน 4,014.9 ล้านบาท โดยเป็นหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest Bearing Debt) จานวน 2,576.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 64.18 ของหนี้สินรวม โดยหากอัตราดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นหรือลดลงทุก 1.00% จะส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือลดลงประมาณ 25.8 ล้านบาท ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะในส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest Bearing Debt) ของบริษัทฯ จะพบว่าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าเท่ากับ 0.94 เท่า แต่หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมมีการปรับเพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงในทางลบต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการ กำไรและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ครั้งแรก รวมมูลค่า 1,200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 ระยะเวลา 3 ปี โดยครบกาหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในปี 2562 è จึงทำให้ค่าDebt-to-equity ratio สูงขึ้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนหวุนเวียนและใช้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์


สำหรับปี 2558 และ ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 2,055.1 ล้านบาท และ 3,199.0 ล้านบาท ตามลาดับ และมีกำไรสุทธิ 386.3 ล้านบาท และ 637.6 ล้านบาท ตามลาดับ ทั้งนี้ บริษัทฯมีรายได้รวมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ กล่าวคือ รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มาจากการเพิ่มขึ้นของโครงการที่แล้วเสร็จและได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ผู้ซื้อ

***มุมมองส่วนตัว
- จะเห็นได้ว่ารายได้ค่อนข้างเติบโตสูง บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และมีโครงการที่อยูุ่ระหว่างการพัฒนาอีกเยอะ
- แต่ก็มีความเสี่ยงหลักๆเลยคือ ภาวะสินค้าคงเหลือล้นตลาด(คอนโด) ตอนนี้หลายๆเจ้าก็ได้สร้างคอนโดออกมาเรื่อยๆโดยเน้นตามแนวรถไฟฟ้า การแข่งขันค่อนข้างสูง กลยุทธ์ที่บริษัทฯ จะเน้นเป็นfirst mover แต่การแข่งขันในตลาดคอนโดก็ยังยากในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ต้องติดตามโครงการที่กำลังสร้างต่อไปว่าจำนวนห้องที่เหลืออยู่จะขายได้เพิ่มขึ้นบ้างมั้ย
- บริษัทฯ มีแผนลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้าง recurring incomeอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เป็นต้น โดยอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจโรงแรมที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายใต้ บริษัท ออริจิ้น วัน จากัด โดยความร่วมมือกับ Intercontinental Hotels Group (IHG) เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว ซึ่งอันนี้สำหรับมุมมองส่วนตัวคือน่าสนใจดี
- สรุป ในมุมมองของผมในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเติบโตยากเพราะมีการแข่งขันที่สูง ในภาวะตลาดฟื้นตัวแบบนี้ แต่กลยุทธ์และแผนงานการเติบโตในอนาคตของวORIนี่สนใจเลยทีเดียว

Monday 3 April 2017

March summary 2017

จบไปแล้วสำหรับเดือนมีนาคม พ.ศ.2560 1ไตรมาส ผ่านไปเร็วมากๆ ทุกครั้งที่จบแต่ละเดือนก็จะมานั่งทบทวนดูผลตอบแทนportfolio YTDว่าตั้งแต่ต้นปีมาperformanceเราเป็นไงบ้าง? นั่งทบทวนดูว่าเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีมันยังอยู่บนเส้นทางนั้นมั้ย?
เดือนนี้ไม่ค่อยมีเวลาดูเท่าไหร่ เพราะต้นเดือนมีสอบMidtermทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาติดตาม ทำการบ้าน แต่ช่วงเดือนนี้ยังมีเล่นdaytradeอยู่บ้างเบาๆ จากผลงานที่ออกมาจะเห็นได้ว่าhit rateห่วยแตกมากๆ ที่เจอก็ปัญหาเดิมๆเช่น เข้าไปโดยไม่รู้stop loss(ทำให้ลังเล ตอนมันย่อลงมา) และความมั่นใจ(โลภ)เกินไป แก้ยากจริงๆ
SET index ภาพรวมในเดือนนี้ ช่วงกลางเดือนเริ่มดูดีหลังจากที่correctionมาตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ ทิศทางภาพรวมของตลาดมีความสำคัญมากๆในการกำหนดกลยุทธ์ที่จะใช้ในแต่ละสถานการณ์ อย่างช่วงต้นปีเดือนมกราคมที่ตลาดเป็นขาขึ้นแบบsuper bullishช่วงนั้นจะเห็นได้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดจะขึ้นเยอะหลายตัว และถือrun trendสบายมาก พอขึ้นไปถึงจุดๆนึง ที่ตลาดเริ่มแกว่งออกข้างและcorrectionช่วงนั้นหุ้นย่อเยอะมาก หลายๆตัวที่ขึ้นมาเยอะๆย่อแรงมาก จะเห็นได้ว่าตลาดช่วงนี้ต้องเน้นเลือกหุ้นแบบselective buyเน้นตัวที่สร้างbaseแข็งแกร่ง หรืออาจจะเล่นสั้นแบบห่อไปขายอีกวันก็ได้อยู่ แต่การถือหุ้นrun trendในภาวะตลาดcorrectionต้องเลือกดีๆทำการบ้านเยอะๆ

ดูแค่กราฟคงไม่พอ สมัยนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงกราฟได้หมด เทคนิคโน่นนี่นั้นมีให้เรียนรู้ฟรีๆเยอะแยะไป ดังนั้นการทำการบ้านในเชิงพื้นฐานจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของเราหลังจากดูกราฟไปแล้ว และช่วยทำให้ถือหุ้นrun trendได้สบายใจมากขึ้น หลังจากนี้ต้องมาฝึกวิเคราะห์เชิงพื้นฐานมากขึ้น ศึกษาหุ้นที่จะซื้อแบบละเอียดเพือจะได้กำหนดposition sizeอย่างเหมาะสม
YTD Performance ยังอยู่ในระดับที่โอเค ยังhappyอยู่


March’s performance เด้งขึ้นมาได้เพราะORI break high



เป้าหมายในเดือนนี้ล้มเหลวไปอีกเดือนนึง นับตั้งแต่ต้นปีมีแค่เดือนมกราคมที่ทำได้ตามเป้าหมาย มานั่งคิดดูแล้ว สาเหตุหลักๆมาจากความทุ่มเทที่มันยังน้อยไป ผิดพลาดแต่กับเรื่องเดิมๆไม่สามารถปรับปรุงให้มันดีขึ้นได้เลย การเลือกหุ้นต้องปรับปรุงเพิ่มเติมโดยทำการบ้านfundamentalเพิ่มเติม
ปีนี้ครบ3ปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มลงทุนมา เดินมาไกลแต่ก็ยังไม่ไกลพอ ล้มลงกลางทางมีแผลมากมาย แต่จุดหมายนั้นยังอีกไกล บาดแผล(ขาดทุน)นั้นเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดเสมอ

เจ็บ เพื่อที่จะเรียนรู้ :)